ระบบเติมอากาศ Safebreath

A-ERV HOME แตกต่างจากเครื่องเติมอากาศทั่วไปอย่างไร
ระบบเติมอากาศ Safebreath  จะเติมอากาศผ่าน Double Primary Filter และ H13 HEPA Filter ทำให้อากาศปลอดฝุ่นและเชื้อโรค
แลกเปลี่ยนอากาศด้วย ERV Energy Recovery Core ทำหน้าที่ลดอุณหภูมิและความชื้นก่อนเข้าบ้าน ทำให้ประหยัดพลังงาน

Anion Generator ทำหน้าที่ปล่อยประจุลบ แบบธรรมชาติในป่าลึก ทำให้นอนหลับสบาย และช่วยกำจัดเชื้อโรคได้อีกด้วย
ระบบทำงานอัจฉริยะ Smart Airflow ปรับอัตราการไหลอากาศตามคุณภาพอากาศให้เหมาะสม

Safe Breath Innovative Air Quality (A-ERV Home) คืออะไร และทำงานยังไง
Safe Breath Innovative Air Quality หรือ Safe Breath A-ERV Home เป็นระบบหมุนเวียนอากาศสะอาดภายในบ้าน เพื่อสร้างอากาศสะอาดคุณภาพดีได้อย่างแท้จริง ทำให้สะอาดและปลอดภัย โดย Safe Breath A-ERV Home จะทำหน้าที่ดันอากาศเสียออกจากบ้าน และสร้างอากาศดีด้วยการดึงเอาอากาศจากภายนอกบ้านเข้ามาภายในอุปกรณ์เพื่อปรับสภาพให้เป็นอากาศสะอาดคุณภาพดีและปรับความดันห้องให้เป็น Positive Pressure
Positive Pressure จะดันอากาศเสียผ่านระบบและจุดรั่วหรือช่องว่างต่าง ๆ ในตัวบ้าน (ถ้ามี) ทำให้มลภาวะนอกบ้านไม่สามารถเข้าสู่ภายในบ้านได้ ต่างจากการทำงานของเครื่องฟอกอากาศทั่วไป

ในวันที่อากาศร้อน Safe Breath A-ERV Home จะช่วยทำความเย็นและลดความชื้น ในวันที่อากาศปกติระบบจะช่วยลดความชื้น และในวันที่อากาศเย็นระบบจะช่วยเติมความอบอุ่นและเพิ่มความชื้น โดยการออกแบบนี้เป็นไปตามมาตรฐานการระบายอากาศและพลังงาน จะช่วยรักษาระดับความชื้นและอุณภูมิที่เหมาะสมภายในอากาศ และช่วยลดการทำงานหนักของเครื่องปรับอากาศ
ด้วยหลักการทำงานและประสิทธิภาพของระบบ Safe Breath Innovative Air Quality จะช่วยส่งเสริมสุขภาพดี สร้างความสุข และความมั่นใจให้กับคนในบ้าน ไม่ว่าจะพักผ่อน รับประทานอาหาร เรียน ทำการบ้าน ทำงาน หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ภายในบ้าน เรามั่นใจได้เลยว่าอากาศภายในบ้านมีคุณภาพดี สะอาด ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือแพร่กระจายเชื้อ และปลอดภัยจากมลภาวะเป็นพิษทั้งหลาย อาทิเช่น ฝุ่น PM2.5 เชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัส

Upload Image...

ระบบเติมอากาศ Safebreath ช่วยอะไรบ้าง

  • ระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ของเครื่อง A-ERV Home ช่วยท่านลดปริมาณความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการหายใจของผู้อยู่อาศัยภายในห้อง ให้ลงต่ำกว่า 800/1,000 ppm (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้อยู่อาศัย)
  • สามารถกรองฝุ่น แบคทีเรียและไวรัสของอากาศภายในห้องและอากาศที่เติมเข้าไปในบ้านได้มากถึง 99.95%% รวมถึงไวรัสโคโรน่า
  • อากาศถ่ายเทด้วยระบบหมุนเวียนและแลกเปลี่ยนอากาศสดชื่นแบบธรรมชาติด้วย Anion Generator
  • ลดอุณหภูมิอากาศหมุนเวียนจากภายนอกที่เข้าสู่ตัวบ้าน ด้วยเทคโนโลยี
Upload Image...

อันตรายจากการไม่ควบคุมคุณภาพอากาศภายในบ้าน

  1. อุณหภูมิ
  2. ความชื้นสัมพัทธ์
  3. คาร์บอนไดออกไซด์
  4. สารระเหยอินทรีย์
  5. ฝุ่น PM2.5
Upload Image...

ทำไมควรตรวจวัด CO2 มากกว่าฝุ่น PM2.5

ทำไมจึงควรตรวจวัด CO2 มากกว่าค่าฝุ่น PM2.5
• เพราะมนุษย์เราหายใจเอาออกซิเจนเข้าไป และ ปล่อยเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา
• ปัจจุบัน ในห้องนอน หรือ ห้องต่างๆ ภายในบ้าน เรานั้นเป็นห้องปิดและติดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งมีการระบายอากาศไม่เพียงพอ ทำให้มีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นตลอดเวลาที่มีคนอาศัยอยู่ในห้องนั้น ซึ่งตามมาตรฐานของ WHO นั้นได้ระบุให้ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่เหมาะสมสำหรับภายในอาคารคือ 800 PPM นอกจากนั้นแล้ว ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ยังใช้เป็น Indicator ที่ใช้ในการบอกว่า ห้องหรืออาคารนั้นๆ มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของคนที่อยู่ในห้องนั้นมากน้อยแค่ไหน
เครื่องฟอกอากาศอย่างเดียวเพียงพอมั้ย?
• เครื่องฟอกอากาศนั้น หน้าที่หลักก็คือการลดปริมาณ PM2.5 เท่านั้น บางเครื่องอาจจะมีคุณสมบัติในการกำจัดกลิ่น หรือ ดักจับ หรือ ฆ่าเชื้อ แต่สิ่งที่เครื่องฟอกอากาศไม่สามารถทำได้คือการลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อคุณภาพของการอยู่อาศัยของเรา

Upload Image...

ต้องเติมอากาศเท่าไหร่ ให้พอดีกับความต้องการ

ASHRAE ซึ่งเป็นสมาคมวิศวกรเครื่องทำความร้อน-ทำความเย็น และการปรับอากาศแห่งอเมริกา. มี มาตรฐานที่เรียกว่า ASHRAE 62 ― การระบายอากาศเพื่อคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ยอมรับได้ มาตรฐานนี้แนะนำ ให้มีการเติมปริมาณอากาศจากภายนอก ขั้นต่ำต่อคนสำหรับพื้นที่ที่กำหนด ตัวอย่างเช่น ปริมาณขั้นต่ำของอากาศบริสุทธิ์ จากภายนอกอาคารที่แนะนำสำหรับพื้นที่สำนักงานคือ 20 CFM/คน
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องเติมอากาศจากภายนอกมาเท่าไหร่เพื่อให้เพียงพอ เราสามารถเลือกใช้การตรวจวัดเพื่อหาค่า %OA โดยสามารถคำนวณเอง หรือหาเครื่องมือที่สามารถหาค่า %OAแบบอัตโนมัติมาใช้
ตัวอย่างการนำค่า %OA มาคำนวณหาปริมาตรอากาศที่ต้องเติม
หากคุณกำลังจ่ายอากาศ 1,000 CFM และมีผู้อาศัย 10 คนในพื้นที่สำนักงาน คุณต้องการเพียง 20% OA เพื่อให้บรรลุ ASHRAE ที่แนะนำ 20 CFM/คน
(1000CFMx20%OA) /10 คน = 20CFM/คน)
อย่างไรก็ตาม หากคุณส่งมอบเพียง 250 CFM ในสถานการณ์เดียวกันนี้โดยมีพนักงาน 10 คนในสำนักงานเดียวกัน
คุณต้องมี OA 80% เพื่อให้บรรลุคำแนะนำ 20 CFM/คน
(250CFMx80%OA)/10คน=20CFM/คน)

Upload Image...

เราจะรู้ได้ยังไงว่าคุณภาพอากาศภายในบ้านเรามีปัญหา

สังเกตอาการ

ลองสังเกตอาการของตัวเองว่าเรามีอาการที่เรียกว่า Sick Building Syndrome หรือเปล่า กลุ่มอาการเหล่านี้ ก็คือ อาการง่วงนอน ปวดหัว อ่อนเพลีย มีอาการแพ้ต่างๆ แต่ส่วนใหญ่คนอยู่บ้านมักไม่มีอาการนี้ เท่าคนที่อยู่ในออฟฟิศ หรืออาคาร

ตรวจวัด

สำหรับบ้านเรือนทั่วไป คงไม่คุ้มค่าหากซื้อเครื่องมือราคาแพงมาตรวจวัดแต่ปัจจุบันเราสามารถเลือกเครื่องมือที่ราคาไม่สูงมากมาใช้ และเลือกพารามิเตอร์ที่จำเป็น เช่น การวัดฝุ่น และวัดค่าคาร์บอนไดออกไซด์

สรุป

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *